เทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด
จังหวัดขอนแก่น
ความสำคัญ งานเทศกาลไหมเป็นงานที่จังหวัดขอนแก่นได้จัดขึ้นทุกปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถึงปัจจุบันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการทอผ้าไหม มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมออกร้านแสดงผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง (ผ้าไหม) และของที่ระลึกอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นประเพณีผูกเสี่ยว ก็เป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นพร้อมกันกับงานเทศกาลไหม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้คนในท้องถิ่นและคนในชาติมีความรักใคร่กลมเกลียว สมัครสมานสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันคำว่า "เสี่ยว" เป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า มิตรแท้ เพื่อนแท้ เพื่อนตาย มีความผูกพัน ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อกัน
งานเทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น หรือที่นิยมเรียกกันว่า"งานไหม หรือ งานเทศกาลไหม” จัดขึ้นในครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๒๒ สมัยนายชำนาญ พจนา เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการจัดงานอยู่ ๒ คน คือ นายเอนก โรจน์ไพบูลย์ และนายจรินทร์ กาญจโนมัย ริเริ่มและผลักดันจนเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจแพร่หลายจนทุกวันนี้
การจัดงานครั้งแรกเมื่อพฤศจิกายน ๒๕๒๒ ใช้ชื่อว่า "งานเทศกาลไหมขอนแก่น” เนื่องจากยังไม่ได้รวมเอาประเพณีผูกเสี่ยวมาไว้ในงาน จนมาปี ๒๕๒๓ ได้นำประเพณีผูกเสี่ยวเข้ามาจัดร่วมกับงานเทศกาลไหม จากการริเริ่มของนายเลื่อน รัตนมงคล ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอเปือยน้อยในสมัยนั้น ซึ่งพิธีผูกเสี่ยวนี้ มีการจัดอย่างเป็นทางการที่กิ่งอำเภอเปือยน้อย และจังหวัดเล็งเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งส่งผลดีต่อการเมือง การปกครอง จึงนำมาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานประจำปีของจังหวัด และให้เป็นชื่อของงานด้วย ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ เป็นต้นมา คือ "เทศกาลไหมขอนแก่น และประเพณีผูกเสี่ยว ปี ๒๕๒๓
พิธีกรรม
อุปกรณ์ที่สำคัญมีพานบายศรีอาจเป็นบายศรี ๓ ชั้น ๕ ชั้น หรือ ๗ ชั้น และมีเครื่องประกอบอีกหลายอย่าง คือ สุรา ๑ ขวด ไข่ไก่ต้ม ๑ ฟอง ข้าวต้มมัด ๔ ห่อ กล้วยสุก ๔ ผล ข้าวเหนียวนึ่ง ๑ ปั้น ใบพืชที่เป็นมงคล เช่น ใบคูน ใบเงิน ใบทอง ใบยอ ดอกรัก และที่ขาดไม่ได้คือ ฝ้ายผูกแขนเชิญแขกมงคลมาร่วมพิธี คู่เสี่ยวนั่งล้อมพานบายศรี หมอพราหมณ์เริ่มพิธีด้วยการจุดเทียนที่พานบายศรี อัญเชิญเทวดาลงมาเป็นสักขีพยาน กล่าวถึงงานบายศรีสู่ขวัญเนื่องในโอกาสต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส มีบุตรใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ การเลื่อนยศ การผูกเสี่ยว การบวชนาค ฯลฯ แล้วกล่าวคำอัญเชิญขวัญตามโอกาส เมื่อถึงบทเชิญขวัญผู้ร่วมพิธีจะตะโกนเรียกขวัญของผู้ร่วมพิธีให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว จบแล้วหมอพราหมณ์และแขกจะนำด้วยมงคลผูกข้อมือของคู่ขวัญ พร้อมทั้งให้ศีลให้พร ให้รักใคร่สามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ต่อจากนั้นคู่ขวัญก็จะผูกข้อมือซึ่งกันและกัน เป็นอันเสร็จพิธี
สาระ
เรียกขวัญเพื่อเป็นการเตือนสติให้รู้จักภาวะของตนเอง เช่น จะแต่งงาน บวช หรือเสี่ยว จะต้องปฏิบัติอย่างไร เชื่อกันว่า ขวัญสิงสถิตอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและจิตใจ เมื่อทำพิธีเรียกขวัญแล้วก็จะเกิดพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็งได้
วัตถุประสงค์หลักการจัดงาน
การจัดงานเทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น กำหนดตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – ๑๐ ธันวาคม ของทุกปี รวม ๑๒ วัน ๑๒ คืนนั้น มีแนวทางการจัดงาน หรือประเด็นหลัก เน้นหนักใน ๓ ประการ คือ
ประการที่ ๑ งานเทศกาลไหม จะแสดงเอกลักษณ์ความสวยสดงดงามของลายผ้าไหมของชาวขอนแก่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมผ้าไหม ที่มากและสวยที่สุดในประเทศไทย
ประการที่ ๒ ประเพณีผูกเสี่ยว ถือเป็นประเพณีพื้นบ้านสืบทอดกันมานาน จนเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น แสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน ประดุจพี่น้อง
ประการที่ ๓ งานกาชาดจังหวัด เป็นองค์กรหลักสำคัญในการสงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้ เป็นองค์กรที่จะส่งเสริมโอกาสทางสังคมให้กับพี่น้องประชาชน






